เมื่อฝันว่าถูกLottery (เอาเงินไปทำอะไรดี)




ขอบคุณภาพจาก Google

เคยคิดไว้เล่น ๆ เสมอหากถูกLotteryรางวัลที่ 1 ชีวิตจะเป็นอย่างไร จะทำอะไรกับเงินนั้นบ้างหากถูกจริงๆ ความคิดแรกต้องดีใจมากๆ ตื่นเต้นกับเงินที่จะได้รับ แต่จะไม่บอกใครต่อใครไปทั่วว่าตัวเองถูกรางวัล 
หากจะบอกแค่คนที่สำคัญกับตนเองเท่านั้น และจะดูแลLotteryใบนั้นให้ดี ๆ รางวัลที่1จำนวนเงินหกล้านบาท เป็นจำนวนเงินที่มากเพียงพอสำหรับชีวิต ถ้าเราบริหารเงินและใช้จ่ายดีๆ 



ขอบคุณภาพจาก Google

จากนั้นก็จัดตามขั้นตอนพิทักษ์ สิทธิในการถูกรางวัลที่จะต้องทำ และเมื่อได้รับเงินรางวัลก็คงจัดสรรเงินทั้งหมดว่าจะนำไปใช้อะไรบ้าง ดีหน่อยที่ชีวิตไม่ได้สร้างหนี้ ใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวัง แต่มีสิ่งหนึ่งที่อยากจะทำให้สำเร็จและคิดมาตลอดนั้นก็คือเรื่องของบ้าน ตั้งใจว่ามีเงินมากพอก็จะจัดการเรื่องบ้านที่เป็นของตัวเองให้เสร็จ เงินที่เหลือจากจัดการเรื่องบ้านก็จะจัดสรรให้คนในครอบครัว



ขอบคุณภาพจาก Google

แบ่งเป็นส่วน ๆ ไปตามกำลังเงินที่พอจะให้ความสุขแก่ทุกๆคนได้  และส่วนต้องมีต้องทำก็คงจะเป็นเรื่องนำเงินไปทำบุญ เพราะเงินที่ได้เป็นเงินที่เกิดจากบุญส่วนที่ดีโชคที่ดีที่เกิดขึ้นกับตัวเอง



ขอบคุณภาพจาก Google

ส่วนเงินสุดท้ายก็จะเก็บไว้เป็นเงินทุนของชีวิตที่จะไว้ใช้ในอนาคตต่อไป


ขอบคุณภาพจาก Google


What’s in my bag?

ทุก ๆครั้งที่ให้แฟนคลับช่วยถือกระเป๋าให้ แฟนคลับมักจะพูดว่า "ใส่อ่างล้างจานในกระเป๋ามาด้วยเหรอ" พูดออกมาแบบนี้ขอมองบนหนึ่งที จริงๆ แล้วนกมีกระเป๋าถือหลายใบ ใช้ตามโอกาสแล้วแต่จะต้องการ แต่มีกระเป๋าใบเก่งที่ใช้ไปไหนมาไหนเป็นประจำ เป็นกระเป๋าสะพายไห่ลสีน้ำตาลใบนี้เลย เพราะค่อนข้างใส่ของได้เยอะ พกพาไปไหนสะดวก  เพื่อน ๆ เป็นแบบนกหรือเปล่า 




วันนี้เลยมาเปิดว่าในกระเป๋ามีอะไรกันบ้าง ตัวกระเป๋าเมื่อเปิดด้านในนั้นมีทั้งหมด 3 ช่องด้วยกัน ด้านหลังมีอีก 1 ช่องมีซิปสำหรับปิดเปิด 






เปิดมาดูกระเป๋าว่าได้ใส่อะไรไว้ในกระเป๋ากันบ้าง ช่องด้านหลังใส่สมุดบันทึกพร้อมด้วยปากกาอีก 1 ด้าม




ด้านในแบ่งออกเป็น 3 ช่องด้วยกัน ช่องแรกจะใส่ ยาดมตราโป๊ยเซียน แซมบัค ลิปปาล์ม แอลกอฮอล์ล้างมือ และหน้ากากอนามัยพร้มสายคล้อง




ช่องที่ 2 ตรงกลางจะใส่โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์และกระเป๋าใส่เหรียญ ด้านในยังมีช่องเล็ก ๆ อยู่ด้านหน้า 2 ช่อง ช่องแรกใส่กระจก ช่องถัดไปใส่แปรงซอกฟัน และด้านหลังอีกช่องมีซิปสำหรับปิดเปิดใส่กุญแจบ้าน และกุญแจรถ



ช่องที่ 3 ใส่ถุงผ้า แป้งตลับ หวี กระดาษทิชชู  ยางรัดผมและแว่นขยาย




หลังที่เอาของออกจากกระเป๋าพึงจะเห็นว่ามันเยอะมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมเยอะขนาดนี้ เก็บทุกอย่างใส่กระเป๋า อยากรู้ว่ามันหนักเท่าไรที่เราแบกไปแบกมาอยู่นั้น 




เลยเอากระเป๋ามาชั่งดู อืมหนักเกือบกิโล ว่าแล้วทำไม่กระเป๋าที่สะพายมันหนักขึ้นทุกวัน 




ทั้งหมดเป็นของที่ใส่ไว้ในกระเป๋า บางครั้งก็มีเพิ่มลิปสติกเข้าไปในกระเป๋าอีกแท่ง หากต้องไปไหนไกล ๆ ที่ต้องมีการเติมหน้า

จังหวะการเต้นของหัวใจ

 



ขอบคุณภาพจาก Google

โดยปกติแล้วหัวใจจะเต้นด้วยอัตรา 60 – 100 ครั้ง / นาที  จุดตรวจับชีพจรมีทั้งหมด 8 จุดด้วยกัน แต่หลาย ๆ คนส่วนใหญ่จะตรวจจับจุดชีพจรที่ข้อมือกันเป็นวิธีการที่ง่ายๆ  





ขอบคุณภาพจาก Google

การตรวจชีพจรทำให้เรารู้ถึงการทำงานของหัวใจว่าเป็นอย่างไร ทำให้เรารู้ถึงสุขภาพร่างกายแล้วยังเป็นตัวบอกถึงสุขภาพของหัวใจอีกด้วย อัตราการเต้นของหัวใจของเรานั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่เราทำในตอนนั้น  



ขอบคุณภาพจาก Google

สำหรับการวัดหัวใจด้วยตนเองที่บ้านจะใช้เครื่องวัด ซึ่งจะวัดหัวใจและความดันควบคู่กันไปเลย  เราจะวัดตอนช่วงเช้า  หลังจากได้พักผ่อนเต็มที่ นั่งนิ่งๆ จิตใจสบายไม่คิดอะไร




โดยจะวัดการเต้นของหัวใจที่ข้อมือ วิธีการคือใช้ให้นำสายรัดสีน้ำเงินรัดลงบนข้อมือด้ายซ้ายของตัวเอง รัดให้พอดีไม่หลวมหรือแน่นจนเกินไป





จากนั้นเปิดให้เครื่องทำงาน ระหว่างที่เครื่องทำงานไม่ควรจะเลื่อนข้อมือหรือกระทำการใดๆ  ควรจะตั้งนิ่งๆ เพื่อที่การวัดจะไม่ได้คลาดเคลื่อน จะสังเกตุเห็นรูปหัวใจบนจอดภาพ นั้นเป็นจังหวะการเต้นของหัวใจในวันนี้



ปัจจัยที่มากกว่าปัจจัย 4 ของฉัน

เมื่อก่อนมีแค่ปัจจัย 4 อย่างอาหาร เครื่องนุ่มห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค เป็นสิ่งที่สำคัญและเพียงพอต่อการดำรงชีวิตของคนเรา แต่เดี๋ยวนี้แค่ปัจจัย4 คงไม่พอต้องมีปัจจัยอื่นเกิดขึ้น ซึ่งเราเรียกว่าปัจจัย 5  หรือบางคนอาจมีมากกว่านั้นจะเป็นปัจจัย 6 7 หรือ 8  เป็นสิ่งที่จำเป็นไม่มีไม่ได้ มีเหตุหลายอย่างที่จำเป็นต้องมีปัจจัยเหล่านั้น 





สำหรับตัวเองนอกเหนือจากปัจจัย 4 ปัจจัยหลักๆที่สำคัญที่สุดก็คงจะเป็นรถยนต์ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ด้วยความที่ชีวิตประจำวันส่วนใหญ่จะอยู่ในตัวเมือง แต่บ้านอยู่ห่างจากตัวเมืองออกไป เพื่อความสะดวกจำเป็นต้องใช้รถยนต์ในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นรถประจำทาง หรือรถยนต์


ภาพจาก Google


และทุก ๆ ครั้งที่ออกไปนอกบ้านจะต้องหยิบโทรศัพท์ติดมือที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารไม่ว่าจะเป็นการงานหรือจะติดต่อคนในครอบครัวรวมไปถึงเพื่อนๆ  อินเตอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์จึงเป็นตัวสำคัญที่ทำให้งานเดินไปได้อย่างรวดเร็ว และช่วยในการสืบค้นจัดเก็บข้อมูลได้เป็นอย่างดี 



ภาพจาก Google


และอีกปัจจัยของตัวเองก็คือกล้องถ่ายภาพ มักจะพกพาไปด้วยทุกครั้งเวลาไปเที่ยวๆที่ไหน ภาพที่ถ่ายมีหลากหลายไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าจะถ่ายภาพอะไร เห็นอะไรน่าสนใจก็ถ่าย เราไม่ได้มืออาชีพเรียนรู้ด้วยตัวเอง เพราะใจมันชอบ 




คำถามสามข้อที่อยากจะตอบ


คำถามแรก คนเรามีงานอดิเรกหลากหลายแตกต่างกันไป มีงานอดิเรกที่ชอบทำบ้างหรือไม่
งานอดิเรกที่ชอบมีหลายอย่าง หากมีเวลาว่างก็จะอ่านหนังสือ ทำอาหาร ทำขนม ทำงานประดิษฐ์ และถ่ายภาพ ซึ่งการถ่ายภาพนั้นเป็นเรื่องที่ชื่นชอบมาตั้งแต่เด็ก ๆ เคยมีความคิดที่อยากเรียน และอยากจะทำงานด้านนี้ แต่ตอนนั้นยังเด็กมากๆ ไม่มีความรู้ ไม่มีคนแนะนำ มีค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้เลยทำให้เปลี่ยนความคิดไปเรียนด้านอื่นแทน พอโตขึ้นมีการ มีงานทำจึงศึกษาเรื่องการถ่ายภาพด้วยตัวเองอย่างจริงจัง สานความฝันวัยเด็ก แต่ยังไม่ค่อยดีสักเท่าไร ความจำเกี่ยวกับกล้องถ่ายภาพตัวแรกเป็นของ Kodak  ต้องซื้อฟิล์มมาใส่ พอเสร็จก็ต้องกรอกฟิล์มออกนำไปล้างที่ร้านถ่ายภาพ  



ขอบคุณภาพจาก Google


กล้องตัวนี้ใช้นานจนกระทั้งเริ่มมีกล้องดิจิตอลเข้ามาตีตลาด จึงเปลี่ยนจากกล้องฟิลม์เป็นกล้องดิจิตอล Olympus FE-120 แทนใช้ไปได้ไม่นานก็เปลี่ยนใหม่เป็นของ Canon IXUS 70 7.1MP Compact Digital Camera  ซึ่งกล้อง Canon ตอนนี้ก็ยังใช้ถ่ายรูปได้ดีอยู่ 




แต่ด้วยความที่อยากถ่ายภาพให้ออกมาชัดเจนและมีลูกเล่นเพิ่มมากขึ้นเลยซื้อมา กล้องตัวใหม่ที่มีคุณภาพมากกว่ากล้องตัวเดิมที่มีอยู่เป็นของ Panasonic Lumix  เป็นกล้องที่ใช้ถ่ายภาพอยู่ในปัจจุบัน  





คำถามที่สอง เล่าประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ทำให้จำไม่รู้ลืม
เรื่องประสบการณ์การท่องเที่ยวแต่ละสถานที่ ที่ได้เดินทางไปจะมีสิ่งที่น่าจดจำที่ไม่เหมือนกัน แต่ที่จำไม่รู้ลืมก็คงเป็นการไปเที่ยวสหรัฐอเมริกา จริงๆ แล้วครั้งนี้ไม่ใช้ครั้งแรกที่ได้เที่ยวสหรัฐอเมริกา แต่ครั้งนี้มีประสบการณ์ทำให้เกือบจะตกเครื่อง หลังจากที่ลงเครื่องที่ท่าอากาศยานนานาชาติชาร์ล็อตต์/ดักลาส  ( Charlotte Douglas International Airport) ใน North Carolina จะต้องผ่านการตรวจคนเข้าเมืองเพื่อจะไปขึ้นเครื่องต่อไปยังอีกเมืองหนึ่ง 



ขอบคุณภาพจาก Google


การตรวคนเข้าเมืองของสนามบินชาร์ลอตต์ (Charlotte) เป็นไปอย่างช้ามาก แถวยาวสุด ๆ  เราว่าเรารีบเดินวิ่งมาต่อแถว ไม่ทำตัวโอ้เอ้ แต่คิวกว่าจะมาถึงก็ใช้เวลานาน จนต้องร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่สนามบินที่ยื่นจัดแถวว่าขอเข้าไปตรวจก่อนได้จะไม่ ซึ่งตอนนั้นอยู่ในแถวเป็นคนที่ 3 เราแจ้งว่าอีกประมาณ 20 นาที Gate ก็จะปิดพร้อมทั้งเอาตั๋วของสายการบินให้ดูเวลาว่าจริงอย่างที่พูด แต่เจ้าหน้าที่จัดแถวตรงตรวจคนเข้าเมือง พูดมาออกมาว่าให้เราไปติดต่อสายการบินเอง เค้าไม่ได้รับรู้ด้วยโอโหเลย...โกรธนะเนี้ย เข้าใจว่าไม่ใช้เรื่องของเค้า หน้าที่แค่จัดระเบียบคนให้เข้าไปตามช่องตรวจคนเข้าเมือง เราพูดเพื่อจะที่ขอความเห็นใจ ขอเข้าไปก่อน ไม่ได้พูดต่อตัดประโยคพูดไปเลย ดีที่โชคช่วยคนเจอฝรั่งในแถวใจดีเป็นกลุ่มเด็ยวัยรุ่นด้านหน้าได้ยินหั่นมองเรายิ้ม ๆ บอกกับเพื่อนของเธอ เพื่อนๆ เธอ เลยให้เราไปยืนหน้าแถว เราจึงได้เข้าไป ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ก็ซักถาม โน่นนี้ ปากตอบคำถาม ตาก็มองเวลาไปด้วย พอเสร็จก็วิ่งซิ รออะไร



ขอบคุณภาพจาก Google

เราวิ่งอย่างรวดเร็วไปที่เคาเตอร์สายการบินจัดการโหลดกระเป๋าเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่เป็นไรยังมีเวลา พอโหลดกระเป๋าเสร็จ เราก็ทำตัวเป็นนักกีฬาวิ่งเร็วอีกครั้ง วิ่งไปยังGate พร้อม ๆ กับผู้โดยสารอีกกลุ่มของสายการบินเดียวกับเรา พอไปถึงGate ยังเหลือเวลาอีก 5 นาที ก่อนที่จะปิด เหนื่อยมากๆ ชีวิตนี้ไม่เคยวิ่งเร็วแบบนี้มาก่อนเลย เหมือนใจจะขาดให้ได้ นั้นเป็นประสบการณ์ที่จดจำที่สุดของการไปเที่ยวสหรัฐอเมริกาในครั้งนั้น




คำถามที่สาม ที่บ้านมีหนังสืออยู่เยอะมาก ชอบเล่มไหนเป็นพิเศษบ้าง






หนังสือเล่มที่ชอบเป็นพิเศษคงเป็นตำราทำขนมอบของ Mary Berry ชอบวิธีการถ่ายทอด อ่านทำความเข้าใจง่าย เวลาใช้สูตรของเธอทำออกมาแล้วไม่มีผิดหวัง เรียกว่าตรงตามปก 




หนังสืออ่านเล่นอ่านได้หมดไม่เลือกว่าเป็นหนังสืออ่านเล่นชนิดไหน ไม่มีนักเขียนในดวงใจไม่จำกัดว่าจะเป็นนวนิยาย เรื่องสั้น เรื่องยาว รักหวานแหวว รักโรแมนติก คอมเมดี้ เศร้า แฟนตาซี ผจญภัย วิทยาศาสตร์ สยองขวัญ ซ่อนเงื่อน สอบสวน อ่านได้หมด 




อย่าง Harry Potter อ่านแล้วก็ชอบนะ เป็นนวนิยายแฟนตาซีมีทั้งหมด7 เล่มเขียนโดย J. K. Rowling เป็นเรื่องราวชีวิตของพ่อมดหนุ่มที่ชื่อว่า Harry Potter และเพื่อนของเขาHermione Granger and Ron Weasley ทั้งหมดเป็นนักเรียนที่โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ โครงเรื่องหลักเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งของ Harryกับ Lord Voldemort พ่อมดศาสตร์มืดที่ตั้งใจจะเป็นอมตะ ล้มล้างองค์กปกครอง พ่อมดที่เรียกว่ากระทรวงเวทมนตร์ และปราบพ่อมดและมักเกิ้ลทั้งหมด 




พอมาทำเป็นหนังก็ตามดูจนครบทุกตอน จากนั้นก็ตามรอย  Harry Potter  พ่อมดตัวน้อยทำตัวเป็นสาวกกับเค้าด้วย 














หลงทางในต่างแดน

"หลงทาง" เป็นเหตุการณ์ที่คนชอบขับรถหรือเดินท่องเที่ยวมักเกิดขึ้นได้ การเดินทางด้วยรถยนต์สมัยก่อนต้องคอยมองป้ายข้างทางหรือไม่ก็แผ่นที่ทางหลวง แต่เดียวนี้มีจีพีเอสช่วยเหลือให้ถึงจุดหมายปลายทาง
ได้สะดวกไม่ยาก แต่ก็ยังหลงทางอยู่ในบางครั้งเช่นเลี้ยวก่อน หรือไม่จีพีเอสบอกพิกัดผิด สำหรับเราการหลงในครั้งนี้ไม่ใช้การเดินทางด้วยรถยนต์แต่อย่างใดเป็นการเดินจริงๆ เป็นการหลงทางในประเทศฝรั่งเศส เมือง Reims แหล่งผลิตผลิตแชมเปญที่เก่าแก่และดีที่สุด เราเองก็ไม่พลาดที่จะเข้าไปชมการผลิตและจิบชิมแชมเปญ ที่นี้มีหลากหลายแบรนด์ให้เลือกสำหรับเราเลือก Taittinger Champagne 
















หลังจากที่ได้ชื่นชมและจิบชิมแชมเปญเสร็จก็เดินกลับโรงแรม เก็บของเข้าที่พักเสร็จก็จะออกมาเที่ยวเดินดูโน่นนี้ไปเรื่อย ๆ เดินเพลินไปหน่อยไม่ค่อยได้ดูทางสักเท่าไร เพราะมัวแต่มองบ้านเมือง ทำให้หลงหาทางกลับโรงแรมไม่ได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วจะเรียกรถให้ไปส่งที่โรงแรมก็ได้ แต่คิดว่าโรงแรมไม่ได้ไกลสักเท่าไรดูจากเวลาในการเดินของตัวเอง จึงไม่อยากเสียเงิน 




เลือกที่จะถามทางจากคนท้องที่และเดินกลับโรงแรมก็น่าจะได้ จากนั้นเราเข้าไปสอบถามคนขายน้ำดื่มในเมือง เราซื้อน้ำดื่มเค้าหนึ่งขวดแล้วก็ถามหาทางกลับโรงแรม เค้าช่วยเหลือเราอย่างเต็มใจ เราถามเป็นภาษาอังกฤษแต่เค้ากลับตอบกับมาเป็นภาษาฝรั่งเศส ซึ่งเราไม่มีความรู้ภาษาฝรั่งเศสได้แต่ยิ้มๆ ดูท่าทางภาษากาย ว่ามือเค้าชี้ไปทางไหน เราก็ถามกับว่าทางซ้ายใช้หรือไม่ เค้าก็พยักหน้าตอบกลับเป็นภาษาฝรั่งเศสยกมือชี้อีกครั้ง เราบอกขอบคุณจากนั้นก็เดินไปทางทิศที่คนขายน้ำดื่มชี้  






เดินไปเรื่อย ๆ ยังไม่ถึงสักที่ ด้วยความไม่แน่นใจภาษากายที่คนขายน้ำดื่มบอก  จึงถามคนที่เดินข้างถนนอีกครั้ง คำถามเดิมเป็นภาษาอังกฤษ คำตอบเหมือนเดิมภาษาฝรั่งเศส ชี้ตรงไปข้างหน้า เราได้แต่ยิ้มเหมือนเดิม เดินต่อไปเรื่อย ๆ  บังเอิญเจอะกับตำรวจฝรั่งเศส จึงขอความช่วยเหลือ ครั้งนี้ได้คำตอบเป็นภาษาอังกฤษ ดีใจสุด ๆ 



ขอบคุณภาพจาก Google

จริงๆ แล้วโรงแรมอยู่ไม่ไกล แต่การเดินของเราผิดทิศโรงแรมต้องเดินไปทางขาว แต่เราเดินไปกลับทางซ้าย ทำให้ไม่เจอะโรงแรมสักที่ คุณตำรวจบอกว่าทางนี้สามารถไปถึงโรงแรมได้เช่นเดียวกัน เพียงแต่ต้องเดินมากหน่อยเรียกว่าเดินแบบวงกลม ก็จะทำให้เจอะโรงแรม เราไม่มีปัญหาเพราะชอบเดินดูบ้านเมืองอยู่แล้ว เดินไปไม่นานก็เห็นป้ายโรงแรมดีใจได้กลับไปนอนพักเสียที