พูดกับฉันในวันที่ผ่านมา....เมื่อฉันคิดอยากจะเป็นช่างถ่ายรูป (ในวัยเด็ก)

ภาพจาก Google

ในวัยเด็กหลายๆคน มีความคิดจินตนาการเป็นของตัวเอง คิดอยากจะทำโน่น อยากจะทำนี้ อยากจะเป็นโน่น เป็นนี้ตามประสาเด็ก ๆ  เราก็เป็นเด็กคนหนึ่งที่เป็นอย่างนั้น ความคิดตอนเด็ก ๆ ของเราในตอนนั้น เราคิดอยากจะเป็นคนถ่ายรูป ความคิดนี้เกิดจากการที่เราไปร้านถ่ายรูปกับแม่ เราได้เห็นช่างถ่ายรูปทำงานมีกล้องสี่เหลี่ยมๆ ในห้องถ่ายรูปหลายตัว ที่ใช้ในการถ่ายรูปดูแล้วมันเท่ดี เราอยากจะมีกะเค้าบ้าง จึงคิดอยากจะเป็นคนถ่ายรูปในตอนนั้น 


ภาพจาก Google


ภาพจาก Google



ภาพจาก Google


ภาพจาก Google

พอโตขึ้นเราเองก็อยากจะมีกล้องถ่ายรูปดี ๆ ถ่ายรูปสวย ๆ และมื่อเรียนจบมัธยมเราก็มีความคิดที่จะเรียนต่อในสาขาถ่ายภาพ และจะเป็นคนถ่ายรูปให้ได้ แต่ในสมัยนั้นวิชาชีพนี้ไม่มีมากนัก และไม่มีใครให้แนะนำเราได้ และที่บ้านเรามีน้องท่ี่ยังเรียนอยู่หลายคน แม่เราจึงแนะนำว่าให้เลือกสาขาที่จบออกมาได้งานทำแน่นอนไม่ตกงาน ได้เงินเดือนที่มั่นคง เรียนในสาขาที่ตลาดงานต้องการคนทำงาน จะได้มีเงินเร็ว ๆ  จากนั้นแม่เราก็บอกสาขาที่จะเรียนมาให้เราไปลองคิดดู ตัวเราเองก็ไม่ได้มีปัญหากับสาขานั้นก็สอบเข้าเรียนต่อจนกระทั้งจบหลักสูตร และได้ทำงานตรงกับสาขาที่เรียนจบมีเงินเดือนที่ต้องการ เราตั้งใจทำงานและเรียนรู้งาน 


ภาพจาก Google


และในขณะเดียวกันเราก็เก็บเงินเพื่อสานต่อความฝันของตัวเองในวัยเด็กอีกครั้ง ถึงจะช้าไปแต่เราก็ยังดีใจที่ตัวเองไม่ลืมความฝันของตนในวัยเด็ก




เราเริ่มเรียนรู้ด้วยตัวเอง และจากคนอื่นที่มีความรู้ช่วยสอนให้ เราเริ่มเรียนรู้อย่างช้า ๆ จนเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ เราหวังว่าจะเก่งเหมือนอย่างช่างถ่ายรูปคนนั้น ถึงเราจะไม่ได้เป็นช่างถ่ายรูป ไม่มีร้านถ่ายรูปเป็นของตัวเอง แต่เราสามารถถ่ายรูปได้อย่างที่เรารักและอยากจะทำ








































เมื่อประถมคัดลายมือได้รางวัล....ปลอบใจ




ภาพจาก Google

คำว่า "รางวัลปลอบใจ"  ทำให้เรานึกถึงตอนเด็ก ๆ สมัยชั้นประถมเราได้เข้าร่วมคัดลายมือของชั้นเรียน เราไม่ชนะไม่ได้รับรางวัล เราได้เพียงรางวัลปลอบใจ ในตอนนั้นเราดีใจที่ได้รับรางวัล ซึ่งดีกว่าที่เราไม่ได้อะไรเลย  




ภาพจาก Google

การที่เราไม่ชนะนั้นไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้พยายาม เราฝึกหัดเขียนเพื่อเข้าร่วมแข่งขันครั้งนี้เป็นอย่างมาก เราคิดว่าลายมือเราค่อยข้างดีอย่างเด็กนักเรียนทั่ว ๆ ไป  แต่ยังไม่ดีพอเท่ากับคนชนะ 



ยังจำคำโกหกที่เค้ามีให้กับฉัน "Lie to me"

"Lie to me"  ถามว่าเคยถูกใครโกหกหรือเปล่า.... เคยซิ รู้สึกอย่างไร.... ก็เจ็บนะ โดยเฉพาะคำโกหกจากคนรัก ซึ่งเราคิดเสมอว่าเค้ารักเราจะซื่อสัตย์กับเรา 


ภาพจาก Google


ไม่คิดว่าจริง ๆ แล้วทุกๆคำที่บอกมันเป็นคำโกหกที่เราได้รับ ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ผ่านมาหลายสิบปี ซึ่งตอนนี้ก็ยังจำอยู่เลยว่าเค้าโกหกเรื่องอะไร ถามว่าตอนนั้นให้อภัยให้หรือเปล่าบอกเลย.... ให้อภัยไม่ได้ เพราะมันเป็นคำโกหกจากความไว้เนื้อเชื่อใจ 



ภาพจาก Google


และเมื่อไม่สามารถให้ความเชื่อใจกันได้อีกครั้งก็ต้องตัดขาดกันไป  หากถามคำถามเดียวกันในปัจจุบันนี้ ตอบได้ว่าให้อภัยให้เค้าได้หรือไม่  เราคงจะให้อภัยแล้วแต่ไม่ลืมเรื่องราวที่เค้าได้ทำเอาไว้ 



ภาพจาก Google

เราไม่คิดเจอะเจอ ไม่อยากเห็นหน้า ต่างคนต่างไปมีชีวิตของตัวเองเป็นดีที่สุด เราดีใจมากๆ กับการตัดสินใจออกจากโลกของความโกหกได้ในครั้งนั้น เป็นการตัดสินใจที่ดีจริง ๆ ทำให้เราได้พบกับคนที่ดีในวันนี้





เมื่อสุนัขถูกทิ้งกลายเป็นสุนัขจรจัด

สัตว์เลี้ยงถูกทิ้งโดยเฉพาะสุนัข ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงที่เรารักและชอบทีสุด ตั้งแต่เด็ก ๆ จำความได้ก็เห็นสุนัขอยู่ที่บ้านแล้ว เรากับพี่ชายมีสุนัขเป็นของตัวเองจำได้ในรูปถ่ายตอนเด็กๆ เราอุ้มตัวสีดำเป็นสุนัขตัวเมีย พี่ชายเราอุ้มตัวสีลายเป็นสุนัขตัวผู้ นั้นคงเป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกของเรา 



บ้านเดิมตอนเด็ก ๆ จะล้อมรั้วกันไม่ให้สุนัขออกไปข้างนอก พวกเราเลี้ยงจนทั้งสองตัวออกลูก ออกหลาน ที่บ้านจะเลี้ยงดูอย่างดีฉีดยาทำหมัน จนกระทั้งที่บ้านเราย้ายบ้านไปอยู่ที่ใหม่ก็ยังเลี้ยงสุนัขกันอยู่ตลอดมา 




จนกระทั้งสุนัขตัวสุดท้ายของบ้านเริ่มแก่ลง พวกเราก็โตเป็นผู้ใหญ่แยกย้ายกันไปทำงาน ทุกคนที่บ้านต่างลงความเห็นว่าต่างฝ่ายต่างทำงานไม่มีใครดูแล เลยตัดสินใจจึงคุยกันว่าจะเลี้ยงสุนัขตัวนี้เป็นตัวสุดท้ายหากสุนัขนี้ตายก็จะต้องหยุดเลี้ยง หลังจากนั้นสุนัขของพวกเราก็ตายตามอายุขัยของมัน ที่บ้านก็ไม่เลี้ยงสุนัขอีกเลย 






หลายปีแล้วที่เราไม่ได้เลี้ยงสุนัข แต่เราก็ชอบมองเวลาเห็นใครเลี้ยงดูสุนัขด้วยความรัก ทุกๆครั้ง เวลาเห็นสุนัขจรจัดที่ถูกทอดทิ้งไว้ข้างถนน หรือแม้แต่ที่อยู่ในวัดเราไม่ชอบใจเอาเลย รู้สึกโกรธคนที่เอามาทิ้ง ยังคิดว่าทำไม่ตอนที่อยากจะเลี้ยงก็เอามาเลี้ยง ไม่คิดให้ดีเสียก่อนว่าจะต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง พอเบื่อไม่รักเพราะไม่น่ารักเหมือนตอนเป็นลูกสุนัข หรือเลี้ยงสร้างความเดือนร้อนให้ที่บ้าน ก็เลยนำไปทิ้งบัดความรับผิดชอบให้กับคนในสังคม  ส่วนตัวเราไม่ค่อยมีเวลาได้กลับไปบ้านสักเท่าไร พอกลับไปเห็นน้องสาวสองคนเอาอาหาร เศษอาหารที่เหลือกินใส่ถุง เอาไปให้สุนัขจรจัดข้างถนนที่มีคนเอาไปทิ้งไว้  ที่ตรงนั้นเป็นที่ดินว่างๆ  ติดถนนห่างออกไปจากหมู่บ้านเล็กน้อย ตอนขับรถผ่านเราเห็นว่าที่ตรงนั้นมีสุนัขประมาณ 6-8 ตัวมาอยู่รวมกัน 


ภาพจาก Google


เมื่อก่อนเราจำได้ว่าที่ตรงนั้นไม่มีสุนัขเลยสักตัว น้องสาวบอกว่ามีคนเอามาทิ้งไว้ จากหนึ่งตัว กลายเป็นสองตัว และต่อไปเรื่อย ๆ  น้องสาวทั้งสองคนเป็นคนใจดีรักสุนัข ยิ่งไม่มีสุนัขที่บ้านแล้ว พอเห็นสุนัขตัวผอมโซไม่มีอะไรกินก็อยากจะช่วยเลยเอาอาหารไปให้ เห็นแบบนั้นก็บอกน้องว่า เอาอาหารไปให้สุนัขกินเป็นเรื่องที่ดีที่มีใจช่วยเหลือสัตว์ แต่มองในมุมกลับกันถ้าน้อง นำอาหารไปให้สุนัขกินบ่อย ๆ เป็นประจำ ใครๆ ที่เห็นจะก็ต้องคิดว่าน้องสาวเป็นเจ้าของสุนัข หากสุนัขไปกัดใคร หรือไปทำความเดือดร้อนให้กับใคร เค้าอาจจะมาตามที่น้องสาวก็ได้ ว่าน้องสาวเป็นเจ้าของสุนัขพวกนั้นเพราะนำอาหารไปให้พวกมันกิน 


ภาพจาก Google


สุนัขจรจัดไม่มีเจ้าของ ชอบวิ่งตามถนน เวลาเห็นใครขับมอเตอร์ไชค์ก็ไล่เห่าไม่หยุด พอมีสุนัขอยู่กันเยอะ ๆ เหมือนจะสร้างกลุ่มไล่คนที่ขับรถผ่านไปมาไม่หยุด เราคุยกับน้องจนเข้าใจ น้องสาวก็ไม่เอาอาหารไปให้สุนัขเหล่านั้นบ่อย ๆ นาน ๆ จะให้สักครั้ง เรารู้ว่าสิ่งที่ให้น้องหยุดทำเป็นเรื่องไม่ดี ไม่มีใจเมตตากรุณาต่อสัตว์ แต่เราก็ไม่อยากเป็นพวกโลกสวยแล้วน้องสาวเราจะเดือดร้อน  


ภาพจาก Google



หลังจากที่น้องสาวหยุดให้อาหารบ่อย ๆ  และหยุดให้ช่วงโรคพิษสุนัขระบาด น้องสาวบอกว่าสุนัขที่นั้นไปกัดคนที่ขับรถมอเตอร์ไชค์ ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาจัดการเพื่อความปลอดภัยของคนที่ใช้เส้นทางนั้น 


ภาพจาก Google



ทนายเกิดผล แก้วเกิด เปิดข้อกฎหมายไขคำตอบกรณีหมาจรจัดกัดคนใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ระหว่างคนที่ให้อาหารเป็นครั้งคราวด้วยความเมตตา  คนที่ให้อาหารหมาเป็นประจำ หรือ เทศบาล / อบต. / กรมปศุสัตว์ (จากข่าวคมชัดลึก) 





ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า หมาจรจัดที่คนให้อาหารเป็นครั้งคราว เป็นบางครั้งบางโอกาส ด้วยความเมตตา รวมถึงคนที่ให้อาหารประจำ แต่ไม่ใช่ผู้รับเลี้ยงรับผิดชอบชีวิตของสุนัขจรจัด ไม่ถือว่าเป็นเจ้าของสุนัขจรจัด มีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.764/2556 ที่อธิบายในเรื่องนี้ว่า การให้คำนิยามความหมายของคำว่า "เจ้าของสุนัข" หมายความรวมถึง "ผู้ให้อาหารสุนัขเป็นประจำด้วย" นั้น มีผลทำให้ประชาชนที่เพียงแต่ให้อาหารแก่สุนัขจรจัดเป็นประจำด้วยความเมตตา ต้องมีภาระหน้าที่ในการพาสุนัขจรจัดไปฝังไมโครชิปและจดทะเบียนสุนัข มิเช่นนั้นอาจทำให้บุคคลนั้นกระทำผิดกฎหมาย ทั้งที่หน้าที่ในการจัดการ ควบคุม ดูแลสุนัขจรจัด เป็นหน้าที่ของท้องถิ่น แต่ท้องถิ่นกลับผลักภาระดังกล่าวมาให้กับประชาชน ดังนั้น การให้บทนิยามดังกล่าว ที่ให้หมายความรวมถึง "ผู้ให้อาหารสุนัขเป็นประจำด้วย" จึงเป็นข้อบัญญัติที่ 
1. สร้างขั้นตอนโดยไม่จำเป็น
2. สร้างภาระให้เกิดกับประชาชนเกินสมควร
3. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย




ศาลปกครองสูงสุดจึงพิพากษาให้เพิกถอนข้อบัญญัติฯ ข้อ 5 เฉพาะที่ให้ความหมาย "เจ้าของสุนัข" ว่า ผู้ให้อาหารสุนัขเป็นประจำด้วยแต่ถ้าหมาไม่มีเจ้าของกัดคนใครต้องรับผิดชอบ เมื่อหมาจรจัดไม่มีเจ้าของ และจะไปบังคับคนที่เลี้ยงประจำมารับผิดชอบก็ไม่ได้ เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หรือ กรมปศุสัตว์ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดคดีที่ อ.1751/2559 ได้วินิจฉัยไว้ว่า เป็นหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบล หรือกรมปศุสัตว์ ที่จะต้องรับผิดชอบในการจัดการดูแลสุนัขจรจัด ซึ่งสุนัขเป็นสัตว์ควบคุมตามพระราชบัญญัติโรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ. 2535 




เมื่อสุนัขจรจัดไปทำลายทรัพย์สิน หรือรุมกัดผู้อื่นก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น องค์การบริหารส่วนตำบล หรือกรมปศุสัตว์จึงต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายนั้น ตามมาตรา 67 และ มาตรา 68 แห่ง พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 ให้ราชการผู้ถูกฟ้องคดีต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้กับเอกชนผู้ฟ้องคดีนั้น (ขอบคุณบทความจากข่าวคมชัดลึก) 


เรื่องไม่เป็นเรื่อง

 


หลาย ๆ ครั้ง เรื่องไม่เป็นเรื่องสามารถทำให้เกิดเป็นเรื่องได้เหมือนกัน บางครั้งกลายเป็นเรื่องใหญ่โต โดยเฉพาะในการสนทนาวงเหล้า  ส่วนใหญ่คนในวงเหล้า ดืมเหล้ากันไปคุยกันไปเรื่องที่คุยก็เป็นเรื่องทั่ว ๆ ไปไม่มีหลักการความสำคัญ แต่ก็ยังให้เกิดการทะเลาะกันจากเรื่องไม่เป็นเรื่องก็มีเยอะไป 



ขอบคุณ ภาพจาก Google

หรือเรื่องของสามีภรรยา คู่รัก  แกล้งยอกล้อกันไปกันมาก็ทำให้โกรธกันก็มี  สำหรับเรื่องไม่เป็นเรื่องของเรากับคนที่บ้าน ในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาอากาศไม่เป็นใจให้ออกไปไหน อีกอย่างหนึ่งเราสองคนไม่มีโปรแกรมอะไร เลยอยู่บ้านดีกว่า โดยส่วนตัวเราจะเป็นคนทำกับข้าวกินเองที่บ้านส่วนใหญ่ และเราจะคิดเมนูในแต่ละวันว่าจะทำอะไรดี แต่วันนี้มื้อกลางวันเราถามว่าอยากกินอะไร เดี๋ยวเราจะทำให้ แต่คนที่บ้านบอกว่าไม่ต้องทำหรอกมื้อเที่ยงเดี๋ยวสั่งให้เค้ามาส่ง 



ขอบคุณ ภาพจาก Google


อ้าวเราถามคุณว่าจะกินอะไรไม่ได้บอกว่าจะให้สั่งอะไรมากิน คนละเรื่องกันมั๊ย!!!  ที่บ้านก็มีเนื้อสัตว์ผักสดก็เต็มตู้เย็น กินอะไรเดี๋ยวเข้าครัวทำให้กิน ได้คำตอบว่างั้นก็ทำมาเถอะอะไรก็ได้ทั้งนั้นละ ได้คำตอบเราก็เข้าครัวเตรียมทำอาหารมื้อเที่ยง 







พอเริ่มหาส่วนผสมในตู้เย็นว่าจะทำอะไรดี คนที่บ้านก็เดินออกมาบอกว่าจะอยากจะกินข้าวผัด บอกมาแต่หัวข้อข้าวผัดไม่บอกว่าข้าวผัดอะไร อ้าวอีกรอบ ดีนะเรายังไม่ได้เริ่มต้นทำอะไร ข้าวผัดก็ข้าวผัดตามใจเลย ไม่นั้นจะกลายเป็นเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดไปอีก 





Queen Elizabeth II has died ( สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงเสด็จสวรรคต)




ภาพจาก Google

เมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2565 พระราชวังบักกิงแฮมได้ออกแถลงการณ์ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงเสด็จสวรรคตเมื่อเวลา 15:10 น. พระองค์เสด็จสวรรคตอย่างสงบที่ปราสาทบัลมอรัล ในสกอตแลนด์ ขณะมีพระชนมพรรษา 96 พรรษา เป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชนานที่สุดถึง 70 ปี ในบรรดาพระมหากษัตริย์อังกฤษและเป็นรัชกาลที่ได้รับการยืนยันว่ายาวนานที่สุดในบรรดากษัตริย์หญิงในประวัติศาสตร์



ภาพจาก Google


การเสด็จสวรรคตของ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2ได้รับการประกาศให้สาธารณชนทราบอย่างเป็นทางการณ์ มีการลดธงชาติสหราชอาณาจักร ที่โบกสะบัดเหนือพระราชวังลงครึ่งเสาเมื่อเวลา 18:30 น.ตามเวลาท้องถิ่น และมีการติดประกาศเรื่องการสวรรคตที่รั้วพระราชวัง ประชาชนก็โศกเศร้าและร่ำไห้หลังได้ทราบข่าว มีประชาชนหลายพันคนต่างทยอยเดินทางมาวางดอกไม้ เพื่อถวายความอาลัยที่หน้าประตูของปราสาทบัลมอรัล พระราชวังโฮลีรูด พระราชวังบักกิงแฮม พระราชวังวินด์เซอร์  และตำหนักซานดริงแฮม




ภาพจาก Google



ภาพจาก Google



ภาพจาก Google



ภาพจาก Google


สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เป็นกษัตริย์องค์แรกที่สิ้นพระชนม์ในสกอตแลนด์ตั้งแต่พระเจ้าเจมส์ที่ 5 ในปี ค.ศ. 1542  สาเหตุการเสียชีวิตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ถูกบันทึกว่าเป็นการ "เสียชีวิตด้วยวัยชรา" ในวันที่ 12 กันยายน พระบรมศพของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2  ถูกนำขึ้นรอยัลไมล์ไปยังอาสนวิหารเซนต์ไจลส์ ซึ่งวางมงกุฎแห่งสกอตแลนด์ไว้บนนั้น พระบรมศพของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พักอยู่ที่มหาวิหารเป็นเวลา 24 ชั่วโมง โดยมี Royal Company of Archers คอยคุ้มกัน ในระหว่างนั้นได้อนุญาตให้ประชาชนเข้าไปทำความเคราพพระบรมศพได้ หลังจากนั้นก็เคลื่อนย้ายพระศพกลับลอนดอน 


ภาพจาก Google



ภาพจาก Google



ภาพจาก Google



ภาพจาก Google



ภาพจาก Google



ภาพจาก Google



ภาพจาก Google

พระราชพิธีพระบรมศพจัดขึ้นที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ กลางกรุงลอนดอน ซึ่งเคยเป็นสถานที่จัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และพิธีอภิเษกสมรสของสมเด็จพระราชินีนาถมาแล้ว พระบรมศพของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธเถูกนำไปยังห้องโถงเวสต์มินสเตอร์ ที่ซึ่งพระบรมศพจะตั้งอยู่ที่นี้เป็นเวลาสี่วัน เพื่อเปิดให้สาธารณชนเข้าถวายสักการะแก่พระบรมศพ ในวันที่ 16 กันยายน ลูกๆ ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ได้ยืนเฝ้ารอบพระศพ และในวันรุ่งขึ้นหลานทั้งแปดของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2ก็ทำเช่นเดียวกัน นอกจากนี้มีประชาชนจำนวนมากที่ต่อแถว เพื่อที่จะเข้าไปทำความเคราพพระบรมศพที่ใช้เวลาในการต่อแถวนานประมาณ 9- 12 ชั่วโมง



ภาพจาก Google



ภาพจาก Google


งานศพของพระราชินีจัดขึ้นที่ Westminster Abbey ในวันจันทร์ที่ 19 กันยายน เวลา 11.00 น. ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการจัดพิธีศพของพระมหากษัตริย์ที่แอบบีย์ตั้งแต่พระเจ้าจอร์จที่ 2 ในปี ค.ศ. 1760 มีผู้คนมากกว่าหนึ่งล้านคนเรียงรายอยู่ตามถนนในใจกลางกรุงลอนดอนและวันนี้ก็ได้รับการประกาศให้เป็นวันหยุดของประเทศ และหลาย ๆ ประเทศในเครือจักรภพอีกด้วย 



ภาพจาก Google



ภาพจาก Google


ภาพจาก Google



ภาพจาก Google



ภาพจาก Google



ภาพจาก Google

การจัดพิธีพระบรมศพถูกถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ วิทยุ และช่อง YouTube ของราชวงศ์ เพื่อให้ผู้คนทั่วโลกได้ร่วมไว้อาลัย พระราชพิธีพระบรมศพ จะเคลื่อนย้ายหีบพระบรมศพจากเวสต์มินสเตอร์ฮอลล์
มายังมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ที่อยู่ใกล้กัน โดยใช้รถปืนใหญ่เกียรติยศ (State Gun Carriage) ของราชนาวีอังกฤษ ซึ่งมีการใช้งานครั้งสุดท้ายในพิธีศพของลอร์ดเมาต์แบตเทนเมื่อปี 1979 โดยมีทหารเรือ 142 
คนเป็นผู้ลากจูงรถ กษัตริย์ชาร์ลส์ที่สาม (Charles III) และเหล่าพระบรมวงศ์เสด็จพระราชดำเนินมาในขบวนนี้ด้วย


ภาพจาก Google



ภาพจาก Google



ภาพจาก Google



ภาพจาก Google



ภาพจาก Google



ภาพจาก Google


หลังพระราชพิธีใน Westminster Abbey  เสร็จสิ้นลง หีบพระบรมศพได้ถูกนำไปยังพระราชวังวินด์เซอร์ เพื่อประกอบพิธีขั้นสุดท้ายที่โบสถ์น้อยเซนต์จอร์จภายในบริเวณของปราสาทวินด์เซอร์ มีความเป็นส่วนพระองค์และใกล้ชิดในหมู่พระญาติ 



ภาพจาก Google


ภาพจาก Google


ภาพจาก Google



ภาพจาก Google


ภาพจาก Google



ภาพจาก Google



ภาพจาก Google



ภาพจาก Google



ภาพจาก Google



ภาพจาก Google



ภาพจาก Google


ภาพจาก Google


หลังจากพิธีการที่โบสถ์เซนต์จอร์จ ปราสาทวินด์เซอร์ หีบพระบรมศพถูกฝังไว้เคียงข้างกับของเจ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินบะระ พระราชสวามี โดยอยู่ร่วมกับหีบพระบรมศพของพระราชบิดาและพระราชมารดาของสมเด็จพระราชินีนาถด้วย 





ภาพจาก Google



ภาพจาก Google