แปลกอย่างนี้ที่ Bristol

ไม่เคยมีความรู้สึกว่าตัวเองแปลกแยกไม่เหมือนคนอื่น ๆ  หรือมองคนอื่นแปลกประหลาด โดยส่วนตัวคิดว่าถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งทำตนประหลาด หรือทำตนแปลกแยก มันก็คงจะมีเหตุมีผลในตัวของมันเอง ที่เค้าต้องทำอย่างนั้น





Bristol (บริสตอล) เมืองหนึ่งในประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นเมืองทางฝั่งตะวันตก ห่างจากกรุงลอนดอนประมาณ 1.5 ชั่วโมง (โดยรถไฟ) 2.5 ชั่วโมง (โดยรถยนต์) และ 3 ชั่วโมง (โดยรถบัส) เป็นเมืองศูนย์กลางในด้านศิลปะ วัฒนธรรม  ดนตรี การท่องเที่ยว และการศึกษา




Bristol มีชื่อเสียงในด้านทริปฮ็อป (trip-hop ) กลองและเบส ได้การแสดงดนตรีอย่าง Massive Attack, Portishead และ Roni Size ในงานแสดงดนตรีที่จัดขื้นในช่วงฤดูร้อน 




หลาย ๆ ครั้งที่ได้ไปเที่ยวที่ Bristol (บริสตอล)  ก็จะได้พบกับการแสดงดนตรีเปิดหมวกในย่านธุรกิจของเมือง โดยพวกเค้าจะเล่นและแสดงดนตรีอย่างจริงจัง มีผู้ชมนั่งชมกันอย่างมากมาย 





และมีครั้งหนึ่งที่เราได้พบกับการแสดงที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมากก่อน การแสดงที่ทำให้หลาย ๆ คนที่เดินผ่านไปมาแถว ๆ นั้น ต้องหันกับไปมองเมื่อได้ยินเสียง บางคนมองดูแล้วเดินผ่านไปเฉย ๆ บางคนก็ยิ้ม ๆ และหัวเราะ  บางคนมองดูอย่างตั้งอกตั้งใจว่าเค้ากำลังสื่อถึงอะไรกันแน่ มองอย่าสงสัย เพราะมันไม่ใช้เสียงของเครื่องดนตรีที่ส่งเสียงไพเราะ  




และจากที่เราเห็นนั้น เป็นการกระทบของฟันบนและฟันล่างของตัวแสดงสีแดงๆ ทำให้เกิดเสียงดังก๊อก ๆ ซึ่งเราเองก็ไม่เข้าใจ ว่าเค้าทำอย่างนั้นทำไม แต่ที่แน่ๆ การแสดงนั้นเป็นการแสดงเปิดหมวกให้คนที่เดินผ่านไปมาได้ชม และส่งเสริมการแสดงเค้าด้วยเงินแล้วแต่จะให้ตามความพอใจ


จูงมือคนที่บ้านไปเล่นสนุกไม่กลัวแดดที่ไหนกันดี

ซัมเมอร์นี้หากเพื่อน ๆ ยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี นกขอแนะนำว่าจะต้องไปที่นี้ “นกน้ำเพลินตา สมิหลาเพลินใจ เมืองใหญ่สองทะเล เสน่ห์สะพานป๋า ศูนย์การค้าแดนใต้” ทั้งหมดนี้เป็นคำขวัญของเมืองสงขลา ซึ่งเป็น
จังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทยติดกับประเทศมาเลเซียและอ่าวไทย






คำว่า สมิหลา นั้นเป็นภาษาสันสกฤต สมิ แปลว่าลม และหลา แปลว่าความสดชื่น นำมารวมกันก็จะกลายเป็น ลมที่หอบเอาความสดชื่นเข้ามา




หาดสมิหลาหรือแหลมสมิหลา อยู่ในเขตเทศบาลนครสงขลา ซึ่งห่างจากศาลากลางจังหวัดสงขลา ประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นหาดทรายที่สวยงามขาวสะอาด ทิวสนร่มรื่นตลอดแนวหาด มีรูปปั้นนางเงือกนั่งอยู่บนโขดหิน เรียกกันเงือกทอง”




ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดสงขลา ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2509 ในท่านั่งหวีผม ซึ่งได้หล่อขึ้นด้วยบรอนซ์รมดำ โดยฝีมือการออกแบบ ปั้น และหล่อ โดยอาจารย์จิตร บัวบุศย์ ด้วยราคา 60,000 บาทในสมัยนั้นด้วยเงินงบประมาณของเทศบาลสงขลา ตามดำริของนายชาญ กาญจาคพันธุ์ ปลัดจังหวัดสงขลา ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองสงขลาด้วย ปัจจุบันนี้ปี2567 เงือกทองมีอายุ 58 ปี 






นักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติ  ต้องมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเพราะไม่อย่างนั้นก็จะมาไม่ถึงสงขลา 




ห่างออกไปไม่ไกลสักเท่าไร ก็จะเห็นรูปปั้นหนูแมว อันเป็นตัวแทนของเกาะ ซึ่งเป็นตำนานของเกาะหนูเกาะแมว 





หากเรามองออกไปในทะเล ก็จะมองเห็นเกาะทั้งสองได้ชัดเจนจากชายฝั่งหาดสมิหลา 




และนอกจากนี้ยังมีสวนย่อมให้ได้นั่งพักผ่อนมองท้องทะเลใต้ทิวสนอันร่มรื่น






คำมั่นสัญญา (Vow Ceremony )

"คำมั่นสัญญา" ในชีวิตของคนเรานั้นจะให้คำมั่นสัญญากันสักกี่ครั้ง จะมีสักกี่คนที่จะทำได้ตามที่ให้สัญญาไว้ทั้งหมดหรือเปล่านั้น เราไม่อาจจะรู้ได้ 




Vow Ceremony  เป็นการให้คำมั่นสัญญาของคู่บ่าวสาวในวันแต่งงาน ซึ่งคำมั่นสัญญาดังกล่าวจะเกิดขึ้นในช่วงของพิธีการแลกแหวนแต่งงาน  





โดยคู่บ่าวสาวจะให้คำสัญญาว่าจะรัก ดูแล และอยู่เคียงข้างกัน ช่วยเหลือกันแก้ปัญหาทุกๆอย่างที่เกิดขึ้น 
คำมั่นสัญญาจึงเป็นข้อผูกมัดของชีวิตของคู่แต่งงาน ทำให้การดำเนินชีวิตของคู่สมรสเป็นไปด้วยความมั่นคงและซื่อสัตย์ เมื่อเกิดปัญหาอะไรในชีวิตคู่ ก็จะนึกถึงคำสัญญาในวันแต่งงานที่ทั้งสองมีไว้ให้กันอย่างเช่น

I give you this ring as a symbol of our marriage, And as a token of my love and affection, 
I promise to care for you always And to keep our love and friendship as it is today. 




I  call upon these persons here present, to witness that I......do take thee ......to be my lawful wife/husband.




อ้างว้าง วงCLASH




ขอบคุณภาพจากGoogle


หากจะพูดถึงที่มาของวงCLASH ต้องเกิ่นนำในปี พ.ศ. 2540 มีสมาชิกห้าคนซึ่งเป็นนักเรียนโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว ในพระบรมราชูปถัมภ์  มารวมตัวกันโดยใช้ชื่อวงของตนว่า ลูซิเฟอร์ เพื่อใช้เข้าประกวดการแข่งขันรายการดนตรีฮอตเวฟมิวสิกอวอร์ดส์ (Hot Wave Music Awards) ครั้งที่ 2 และ 3 ซึ่งในการแข่งขันครั้งที่ 3 วงลูซิเฟอร์ ประสบความสำเร็จได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง หลังจากชนะการแข่งขันในครั้งนั้น พวกเขาก็เซ็นสัญญาและเข้าร่วม UP G Record (ภายใต้สังกัด GMM Grammy Records) ในปี พ.ศ. 2544 และเปลี่ยนชื่อวงเป็น "Clash"โดยมี ปรีติ บารมีอนันต์ (ร้องนำ),ธนพล โรคสมพุด(กีตาร์),ฐาปนา บางช้าง (กีตาร์),สุกฤษฎิ์ ศรีเปารยา (เบส) และอนันต์ ดาบเพชรธิกร (กลอง)



ขอบคุณภาพจากGoogle

วงCLASH ได้ออกอัลบั้มชุดแรกในชื่อ "วัน"  ในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2544 โดยออกซิงเกิลแรกในเพลง "กอด" ผลงานการประพันธ์ของปรีติ บารมีอนันต์ (แบงค์) นักร้องนำของวงและเรียบเรียงดนตรีโดยกลุ่มสมาชิกของวง สำหรับเนื้อหาเพลงของวงCLASH มีทั้งเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรัก อกหักปลอบใจ ความสมหวัง คิดถึง และให้กำลังใจ รวมถึงแนวสะท้อนสังคม เสียดสีสังคม



ขอบคุณภาพจากGoogle

วงCLASHได้รับรางวัลการยกย่องเป็นตำนานของเพลงร็อกไทยและได้รับรางวัลจากสื่อมวลชนและรายการรางวัลดนตรีมากมาย นอกจากนี้แบงก์(ปรีติ )นักร้องนำของวงมีเสียงที่เป็นเอกลักษณ์
มีความสามารถในการประพันธ์เพลงโดยมีเพลงของวงจำนวนไม่น้อยที่เขาเป็นคนแต่ง 



ขอบคุณภาพจากGoogle

แต่่เป็นที่น่าเสียดายในปี พ.ศ. 2553 วงCLASHได้แถลงการณ์ยุบวง โดยให้เหตุผลว่าสมาชิกมีความคิดเห็นมุมมองและทิศทางการทำงานที่แตกต่างกันออกไปจึงหันไปทำแนวเพลงที่ต่างชื่นชอบกัน  วงCLASH จึงถือได้ว่าเป็นวงดนตรีแนวร็อกในตำนานยุคเก้าศูนย์ที่หลายคน ๆ ชื่นชอบมาจนถึงปัจจุบันนี้

เพลง อ้างว้าง 
วงCLASH

เธอคือคนที่ฟ้าจงใจกำหนดไว้
ขีดชีวิตให้เธอกับฉันรักกันเเล้วพรากจาก
ใจกำลังเรียนรู้เพิ่งเริ่มจะเรียนรัก
สิ่งที่ฝันก็พลันสลายภายในพริบตา
ขาดเธอ
เหมือนใจจะขาดหาย
เจ็บปวดใจ
ไม่อยากทนรับรู้ความจริง
เธอจากไปเเล้ว
ชีวิตที่เหลืออ้างว้างทรมาน
และไม่อาจรู้จะอยู่ได้อย่างไร
ก็เพราะชีวิตฉันนั้นมีเพียงเธอ
เป็นดังลมหายใจ
วันเวลาที่เหลือใช้ไปกับความเหงา
ก็ไม่รู้จะทนปวดร้าวได้นานสักเท่าไหร่
ไกลกันคนละฟ้าตัวเธอได้ยินไหม
ใจมันเพ้อครวญครางว่ารักได้ยินไหมเธอ
ขาดเธอ
เหมือนใจจะขาดหาย
เจ็บปวดใจ
ไม่อยากทนรับรู้ความจริง
เธอจากไปเเล้ว
ชีวิตที่เหลืออ้างว้างทรมาน
และไม่อาจรู้จะอยู่ได้อย่างไร
ก็เพราะชีวิตฉันนั้นมีเพียงเธอ
เป็นดังลมหายใจ
ขาดเธอ
เหมือนใจจะขาดหาย
เจ็บปวดใจ
ไม่อยากทนรับรู้ความจริง
เธอจากไปเเล้ว
ชีวิตที่เหลืออ้างว้างทรมาน
และไม่อาจรู้จะอยู่ได้อย่างไร
ก็เพราะชีวิตฉันนั้นมีเพียงเธอ
เป็นดังลมหายใจ
ชีวิตที่เหลืออ้างว้างทรมาน
และไม่อาจรู้จะอยู่ได้อย่างไร
ก็เพราะชีวิตฉันนั้นมีเพียงเธอ
เป็นดังลมหายใจ





วิธีคลายร้อนต้อนรับซัมเมอร์



คุยกับคุณยายบอกว่าร้อนมาก ยิ่งอาทิตย์นี้พยากรณ์อากาศแจ้งว่าจะมีอุณหภูมิความร้อนเพิ่มขึ้นเกือบทุกที่ของประเทศ อากาศร้อนแบบนี้ เพื่อน ๆ มีวิธีคลายร้อนกันบ้างแล้วหรือยัง หากยังไม่มี วันนี้นกมีคลายร้อนมาบอกเพื่อนๆกันค่ะ 

1.รับประทานผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นส่วนใหญ่จะเป็นผลไม้ที่รสไม่หวานจัด อมเปรี้ยว แคลอรี่ต่ำ เช่น  สับปะรด ลางสาด กีวี่ มังคุด ส้มโอ สาลี่ เชอร์รี่ ผลไม้ประเภทเบอร์รี่ มะม่วงดิบ มะละกอดิบ พุทรา ลูกท้อ ชมพู่ มะยม  แอปเปิ้ล  นอกจากนี้แล้วยังมีแคนตาลูป แตงโม แตงไทย แก้วมังกร และน้ำมะพร้าวอ่อน ฯลฯ ผลไม้เหล่านี้จะปรับสมดุลของร่างกาย ช่วยทำให้ร่างกายเย็นสบาย 




2.อากาศร้อนทำให้ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งอาจทำให้เป็นลมแดดหรือเป็นตะคริวแดดได้ ดังนั้นเราจึงควรดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตร ต่อวัน โดยดื่มทีละน้อย ไม่ดื่มเร็วๆ หรือมากเกินไป การดื่มน้ำเปล่าจะช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นและสบายตัวขึ้น 




3.รับประทานน้ำแข็ง ในช่วงหน้าร้อนน้ำแข็งจะเป็นตัวเลือกในการคลายความร้อนของหลาย ๆคน แต่จะต้องเลือกซื้อน้ำแข็งที่มีคุณภาพ เพราะน้ำแข็งสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายในหน้าร้อนได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นควรเลือกซื้อน้ำแข็งที่ถุงบรรจุภัณฑ์ที่อยู่ในสภาพที่ดี ไม่มีรอยฉีกขาด มีฉลากจาก อย. หรือจะทำแข็งเองที่บ้าน ถูก สะอาดและประหยัดอีกด้วย
4.รับประทานของหวานเย็นๆ เช่น ไอศกรีม น้ำแข็งไส น้ำผลไม้ปั่น ฯลฯ















5.หลีกเลี้ยงการออกจากบ้านในช่วงเวลาที่แดดจัด ๆ ซึ่งช่วงเป็นช่วงเวลา 11.00-14.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แสงแดดมีรังสียูวีบี (UVB) ปริมาณสูงสุด ควรจะพักร้อนอยู่ที่บ้านเปิดพัดลม แอร์ หรือเปิดหน้าต่างช่วงเย็น ๆ เพื่อที่จะให้กระจายความร้อนภายในบ้านออกไปกลางคืนจะได้นอนหลับสบาย และหากจำต้องออกไปข้างนอกในช่วงเวลาดังกล่าว ก็ควรสวมหมวกที่สามารถป้องกันแสงแดดหรือจะพกพาร่มกันแดดติดมือไปด้วย ใส่เสื้อแขนยาวปิดมิดชิด แสงแดดจะได้ไม่ทำร้ายผิวหนังที่สำคัญต้องทาครีมกันแดด และอย่าลืมพัดลมมือถือ พกพาติดตัวช่วยพัดให้หายร้อนไปได้
 
 


6.อยู่บ้านควรสวมใส่เสื้อผ้าสีอ่อนๆและเนื้อผ้าเบาสบายไม่กักเก็บความร้อน หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่มีสีเข้มๆ หนา ๆ เพราะเสื้อผ้าสีเข้มจะดูดซับความร้อน ทำให้ความร้อนไม่กระจาย ควรสวมรองเท้าแบบเปิด ใส่สบายและระบายอากาศได้ดี เพราะหน้าร้อนใส่แบบมิดชิดจะทำให้เกิดเท้าอับได้




7.อาบน้ำบ่อยครั้ง เมื่อรู้สึกร้อนไม่สบายตัว จากนั้นก็ทาแป้งเย็นให้ทั่ว ๆ จะทำให้ร่างกายรู้สึกเย็นและสดชื่นขึ้น สำหรับแป้งเย็นมีหลากหลายให้เลือกเอาที่ถูกใจ




8.ออกไปพักร้อนท่องเที่ยวรับลมเย็นๆ ใกล้แม่น้ำ น้ำตก หรือทะเลแล้วแต่จะชอบ 
















เกิดเหตุฉุกละหุกไม่คาดคิด

คุณพ่อเป็นตัวของตัวเองมีความเชื่อมันในตัวเอง เป็นคน “อินดิเพนเดนท์” (Independent) ถึงแม้ว่าอายุท่านจะมากแต่ก็ชอบอยู่คนเดียว ดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ๆ เดือนธันวาคมมีเรื่องฉุกละหุกเกิดขึ้นกับคุณพ่อ ซึ่งท่านล้มในห้องนั่งเล่น ตั้งแต่ตอนกลางคืนจนถึงเช้าของอีกวัน เป็นเวลา 13 ชั่วโมงโดยไม่มีใครรู้ 



โชคดีที่พวกเราไปเยี่ยมท่านอยู่เป็นประจำในช่วงสาย ๆ และวันนี้ก็เหมือนกับทุก ๆ ครั้งที่ไป แต่แปลกตรงที่ปกติแล้วหน้าต่างห้องนั่งเล่น ผ้าม่านก็จะเปิดออก แต่วันนี้ไม่เป็นแบบนั้น ประตูบ้านก็ยังล๊อคยู่ไม่ได้เปิดล๊อคแต่อย่างใด  พวกเรามีกุญแจสำรองสามารถไขเข้าไปได้ พบว่าท่านล้มนอนอยู่บนพื้นในห้องนั่งเล่น โชคดีที่ห้องนั่งเล่นปูพื้นด้วยพรม พี้นไม่แข็งและไม่เย็น 



ตอนที่เจอะท่านพูดคุยได้ดี มีแผลที่ข้อศอกเล็กน้อย เพราะตอนล้มข้อศอกไปขูดกับโซฟา จากสายตาของเราเท่าที่เห็น เราคุยเป็นเพื่อนท่าน ส่วนคนที่บ้านแยกไปโทรติดต่อฉุกเฉิน ซึ่งทางฉุกเฉินก็ให้ความรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรกับคนเจ็บ และจะรีบส่งหน่วยรถพยาบาลมาที่บ้านเร็วที่สุดไม่เกิน 45 นาที  



ขอบคุณภาพจาก Google

ระหว่างที่รอรถอยู่นั้น เราก็ถามท่านว่าทำไม่ ถึงไม่กดสัญญาณฉุกเฉิน คุณพ่อก็บอกว่ากดทั้งคืน แต่ไม่มีสัญญา เรียกถึงทางบริษัทที่ดูแลเรื่องสัญญาณฉุกเฉินเลย ทำให้พวกเราไม่รู้ว่าคุณพ่อท่านล้ม 


ขอบคุณภาพจาก Google


สำหรับสัญญาณฉุกเฉินนั้นเราได้ติดต่อบริษัท ทางบริษัทได้ส่งเครื่อง พวกตัวกดพกพามาให้ที่คุณพ่อ ซึ่งตอนติดตั้งก็มีการทดสอบ เป็นอย่างดีว่าสัญญาณฉุกเฉินวทำงานหากมีการกดเรียก ก็จะมีเจ้าหน้าที่ตอบรับ และแจ้งเหตุมายังญาติที่แจ้งหมายเลขเอาไว้ทำให้รู้ว่ามีเหตุเกิดขึ้นที่บ้านคุณพ่อ ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งก็ไม่น้อยเลย หลังจากที่พวกเรารออยู่ประมาณ 15 นาที หน่วยรถพยาบาลก็มาถึง ซึ่งมาเร็วมาก ๆ ในรถพยาบาลมีเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 3 คน พอมาถึงเจ้าหน้าที่ 2 คน ก็เริ่มเข้ามาดูแลคุณพ่อ วัดความดัน  วัดค่าออกซิเจน ตรวจดูสภาพร่างกาย ซึ่งท่านก็พูดคุยกับเจ้าหน้าทีตามปกติ และมีเจ้าหน้าอีกคนเข้ามาสอบถามพูดคุยซึ่งเราก็ได้แจ้งเรื่องสัญญาณฉุกเฉิน พอได้ทราบเรื่องเจ้าหน้าที่คนนั้นก็ติดต่อไปยังบริษัทที่รับผิดชอบเรื่องสัญญาณฉุกเฉินทันที 



ขอบคุณภาพจาก Google

จากนั้นเจ้าหน้าที่ที่ดูแลคุณพ่อก็เข้าสอบถามรายละเอียดประวัติเกี่ยวกับคุณพ่อ และแจ้งว่าร่างกายไม่มีกระดูกส่วนไหนหัก แต่จะต้องส่งตัวคุณพ่อไปโรงพยาบาล เนื่องจากความดันต่ำ และออกซิเจนในเลือดต่ำ ต้องได้รับการดูแล ทางเจ้าหน้าที่ก็เตรียมเคลื่อนย้ายคุณพ่อไปโรงพยาบาล พวกเราก็ต้องเตรียมของใช้ของใช้ที่จำเป็นและเตรียมตัวตามคุณพ่อไปโรงพยาบาล วันนี้จึงเป็นวันที่ฉุกละหุกและน่าตกใจสำหรับพวกเราทุกคนจริง ๆ 



ขอบคุณภาพจาก Google



"ติดเป็นนิสัย"

 
เรื่องติดเป็นนิสัยของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป จะมากหรือน้อยแล้วแต่  คำว่า "ติดเป็นนิสัย" หมายถึง สิ่งที่กระทำอยู่อย่างนั้นไม่เคยเปลี่ยน จนคุ้นชิน กระทำไปอย่างลืมตัว บางอย่างก็ดี บางอย่างก็ไม่ดี ส่วนเรื่องการติดนิสัยของตัวเอง เรื่องแรกคือการติดหวาน ขนมและเครื่องดื่มทุกอย่างที่มีความหวานชอบหมด อย่างขนมไทย ขนมฝรั่ง ต้องมีใส่กล่องติดตู้เอาไว้ 




ขนมบางอย่างก็ซื้อ บางอย่างก็ทำเอง เอาไว้กินกับชาหรือกาแฟ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีของตัวเองสักเท่าไร อย่าจะลดหวานก็ยังทำไม่ได้ดีพอ 




ตอนอายุเริ่มเยอะขึ้นกลัวเรื่อง ค่าน้ำตาลในเลือดสูง  ซึ่งไม่ค่อยจะดีต่อสุขภาพมากนัก ปีนี้เลยคิดจะเริ่มต้นตัดความหวานออกบ้างบางครั้ง




เรื่องที่สองที่ติดนิสัย เป็นเรื่องตอนเด็ก ๆ เวลานอนเราชอบกอดหมอนข้าง ถ้าไม่กอดคิดว่าจะนอนไม่หลับ ตามประสาเด็ก ๆ  พอโตมาหน่อยมีเจ้าหมีน้อยบนที่นอนเพิ่มขึ้น เลยเปลี่ยนจากหมอนข้างไปกอดเจ้าหมีน้อยแทน




เวลาที่นอนไม่หลับ แลมีสิ่งหนึ่งที่ทำตอนนอนไม่หลับคือ จะเอามือบีบตรงส่วนมือของเจ้าหมีน้อยไปเรื่อย ๆ นานเท่าไรไม่รู้ แต่สิ่งที่ทำนั้นทำให้หลับไปเอง โดยไม่รู้ตัว เราคิดว่ามันคงช่วยให้เราผ่อนคลายและนอนหลับอย่างสบายใจ โดยเฉพาะเวลาที่ต้องย้ายที่นอน 




จากที่เคยนอนอยู่เป็นประจำทุก ๆ วันๆ ไปนอนที่อื่นๆ เจ้าหมีน้อยจะเป็นเพื่อนไปด้วยตลอด เอาไว้กอดข้างกายเป็นเรื่องที่ทำอยู่จนปัจจุบัน ถึงแม้ว่าอายุจะมากแล้วก็ตาม




ติดเป็นนิสัย เรื่องสุดท้ายคือชอบจดบันทึกเตือนความจำในสมุดไดอารี ซึ่งในปัจจุบันหลาย ๆคนจะบันทึกเตือนความจำในโทรศัพท์มือถือพอถึงวันโทรศัพย์ก็จะส่งเสียงเตือนความจำให้โดยอัตโนมัติ แต่เรายังเลือกใช้สมุดไดอารี พกพาไปไหน ๆ ด้วยตลอด ส่วนใหญ่จะจดบันทึกรายการนัดประจำวัน วันนี้ต้องทำอะไรที่ไหน ต้องไปพบกับใคร หรือไปท่องเที่ยวที่ไหนก็จะจดเอาไว้จะได้ไม่ลืม ซึ่งจะเขียนเป็นการเตือนความจำทั่วๆ ไปสั้น ๆ  ไม่ได้เขียนเต็มรูปแบบแต่ก็อ่านแล้วเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น